Dachser ขยายบริการโลจิสติกส์สำหรับไวน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ฮ่องกง, 2 กันยายน 2568 – Dachser ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 90 ปี และมีประสบการณ์เฉพาะด้านโลจิสติกส์ไวน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยาวนานกว่า 20 ปี ประกาศขยายบริการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) เพื่อเสริมศักยภาพของ Dachser Air & Sea Logistics (ASL APAC) ในการตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ด้วยความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม และเครือข่ายการขนส่งแบบมัลติโมดัล (Multimodal) ที่แข็งแกร่ง Dachser พร้อมมอบโซลูชันซัพพลายเชนแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจไวน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เชื่อมโยงยุโรปกับเอเชียแปซิฟิก โดยผสานการขนส่งทางอากาศ และทางทะเลเข้ากับเครือข่ายถนนในยุโรป เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าถูกจัดส่งอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และคงคุณภาพตลอดเส้นทาง
ตลาดไวน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ราว 5–6% จนถึงปี 2573 โดยมีแรงหนุนจากความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และการค้าระหว่างประเทศที่ขยายตัว นายโรมัน มุลเลอร์ (Roman Mueller) กรรมการผู้จัดการ Air & Sea Logistics Asia Pacific กล่าวว่า

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับ Dachser ที่จะได้นำความเชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ไวน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาใช้ตอบโจทย์ตลาดที่กำลังเติบโต เราเข้าใจความต้องการเฉพาะของลูกค้า และมุ่งมั่นที่จะส่งมอบบริการที่ได้มาตรฐานระดับสากล ตั้งแต่ไร่องุ่นในยุโรปจนถึงผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
Roman Mueller, Managing Director Air & Sea Logistics Asia Pacific.การเข้าร่วมงาน ProWine Hong Kong 2025 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขยายบริการของ Dachser โดยบริษัทได้ใช้เวทีนี้ในการนำเสนอศักยภาพภายใต้แนวคิด “Wine and spirits, delivered with excellence” พร้อมพบปะกับผู้ค้า ผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่าย และผู้ประกอบการในธุรกิจบริการ เพื่อแสดงให้เห็นว่าโซลูชันของ Dachser ช่วยสนับสนุนการเติบโต และสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานในตลาดเครื่องดื่มที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างไร
จากไร่องุ่นยุโรปสู่เอเชียแปซิฟิก: บริการโลจิสติกส์ครบวงจรบนรากฐานระดับโลก
บริการโลจิสติกส์ไวน์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของ Dachser ครอบคลุมทั้งการขนส่งทางอากาศ ทางทะเล (ทั้งแบบเต็มตู้คอนเทนเนอร์ FCL และไม่เต็มตู้ LCL) และการขนส่งทางถนนในยุโรป รวมถึงบริการ buyers’ consolidation การดำเนินพิธีการศุลกากร คลังสินค้า การควบคุมอุณหภูมิ และการประกันภัยภายในองค์กร โดยทั้งหมดได้รับการสนับสนุนด้วยระบบดิจิทัลของ Dachser ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะสินค้าได้แบบเรียลไทม์ และตรวจสอบเวลาส่งมอบโดยประมาณ (ETA) ได้อย่างแม่นยำ
นายเซบาสเตียน แฟร์รันดิซ (Sébastien Ferrandiz) ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ Food and Beverage Logistics Asia Pacific กล่าวเพิ่มเติมว่า
“Dachser สามารถรวบรวมสินค้าจากผู้ผลิตหลายรายในยุโรปเพื่อส่งตรงถึงผู้รับรายเดียว และทำหน้าที่เป็นพันธมิตรด้านโลจิสติกส์แบบครบวงจร เราดูแลเส้นทางการขนส่งทั้งหมดในยุโรปผ่านเครือข่ายรถบรรทุก คลังสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ และทีมงานเฉพาะทางของเราเอง เพื่อให้ลูกค้าโฟกัสกับการเติบโตของธุรกิจ ขณะที่เราดูแลงานด้านโลจิสติกส์อย่างครบวงจรด้วยความน่าเชื่อถือ และมีประสิทธิภาพ”
ปัจจุบัน Dachser ดำเนินธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกมากว่า 45 ปี และยังคงขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง โดยมีสำนักงานกว่า 40 แห่งในภูมิภาค อาทิ กรุงเทพฯ โฮจิมินห์ ฮ่องกง มุมไบ โซล เซี่ยงไฮ้ และสิงคโปร์ ในปี 2566 บริษัทได้ขยายธุรกิจไปยังออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ผ่านการเข้าซื้อกิจการ